การจ้างพนักงานที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับทุกองค์กร อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การจ้างพนักงานที่ผิดพลาดเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยกว่าที่หลายคนคาดไว้ และเมื่อเกิดขึ้น ผลกระทบที่ตามมาก็ส่งผลรุนแรงกว่าแค่ค่าใช้จ่ายในการสรรหาบุคลากร การตัดสินใจจ้างพนักงานที่ผิดพลาดนี้อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน ทำลายขวัญและกำลังใจของทีม ทำให้วัฒนธรรมองค์กรอ่อนแอลง และส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลกำไรของบริษัท

ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจผลกระทบมากมายที่อาจเกิดขึ้นได้กับองค์กรจากการจ้างพนักงานที่ผิดพลาด โดยจะคำนึงถึงความสูญเสียทางการเงิน อุปสรรคทางวัฒนธรรม และอุปสรรคในการดำเนินงาน นอกจากนี้ เราจะกล่าวถึงความท้าทายที่บริษัทอาจต้องเผชิญในกระบวนการตรวจสอบประวัติพนักงานใหม่ก่อนการจ้างงานในประเทศไทย และแบ่งปันกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ ท้ายที่สุด เราจะชี้ให้เห็นว่าการตรวจสอบประวัติที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้การตัดสินใจจ้างงานของคุณมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ต้นทุนที่แท้จริงของการจ้างงานที่ผิดพลาด

เมื่อบริษัทจ้างพนักงานที่ไม่เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่ที่ต้องการ ผลที่ตามมาอาจมีนัยสำคัญและครอบคลุมในวงกว้างได้ โดยจากการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลระดับโลกพบว่า ต้นทุนของการจ้างงานที่ผิดพลาดอาจสูงถึง 30% ของรายได้ปีแรกของพนักงานคนนั้น โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพลวัตของตลาดแรงงานและกฎหมายแรงงานมีความแตกต่างกันอย่างมาก ต้นทุนเหล่านี้อาจเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

ต้นทุนทางตรง

ค่าใช้จ่ายในการสรรหาและปฐมนิเทศพนักงาน ค่าโฆษณา ค่าธรรมเนียมเอเจนซี่ เวลาในการสัมภาษณ์ และกระบวนการปฐมนิเทศ ล้วนเป็นเงินลงทุนเบื้องต้นที่จะสูญเปล่าหากการจ้างงานล้มเหลว ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนพนักงานหนึ่งคนสามารถมีได้ตั้งแต่ 30% ถึง 50% ของเงินเดือนต่อปีของพนักงานคนนั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและระดับอาวุโส ตัวอย่างเช่น หากพนักงานระดับกลางมีรายได้ประมาณ 600,000 บาทต่อปี ค่าใช้จ่ายในการหาคนใหม่เพียงอย่างเดียวอาจอยู่ระหว่าง 180,000 ถึง 300,000 บาท ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการสรรหาและเวลาและทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกอบรมพนักงานใหม่
การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร บริษัทมักใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีในการฝึกอบรมพนักงานใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การจ้างงานที่ผิดพลาดเท่ากับการสูญเปล่าทรัพยากรเหล่านี้
ค่าชดเชยและค่าใช้จ่ายในการหาคนใหม่ การปลดพนักงานและหาคนใหม่มักจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตั้งแต่ค่าชดเชยไปจนถึงค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย ยกตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยีขนาดกลางในกรุงเทพฯ ที่จ้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์โดยปราศจากการตรวจสอบประวัติ ความสามารถของนักพัฒนาคนนี้มีการกล่าวอ้างเกินจริง ทำให้โครงการล้มเหลวและทำงานไม่ทันกำหนด บริษัทต้องเสียเงินประมาณ 250,000 บาทในการสรรหาบุคลากร ต้องลงทุนอีกสามเดือนในการฝึกอบรมเพิ่มเติม และยังต้องประสบกับภาวะถดถอยของประสิทธิภาพการทำงานของทีมถึง 25% เมื่อนักพัฒนาคนนี้ลาออก ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการสรรหาและปฐมนิเทศนักพัฒนาคนใหม่ รวมๆ แล้วความเสียหายทางการเงินอาจเกิน 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเสียหายใหญ่หลวงสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต

ต้นทุนที่ซ่อนอยู่

ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง พนักงานที่ทำงานได้ไม่ดีพอ อาจทำให้โครงการช้าลง ลดผลผลิตของทีม และสร้างความวุ่นวายในขั้นตอนการทำงาน การศึกษาชี้ให้เห็นว่าความสูญเสียด้านประสิทธิภาพการทำงานอาจมีมูลค่าถึง 20% ถึง 30% ของผลงานที่พนักงานควรจะทำได้ ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของประเทศไทย ความคล่องตัวในการดำเนินงานถือเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความสำเร็จ และความไร้ประสิทธิภาพดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อหลายฝ่าย ทำให้โครงการล่าช้าและเพิ่มภาระงานให้กับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ
ผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของทีม การจ้างพนักงานที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกหงุดหงิด และในบางกรณีอาจทำให้พนักงานที่ดีต้องลาออก
ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ในอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นบนความไว้วางใจ การจ้างคนที่มีประวัติที่น่าสงสัยอาจทำลายความสัมพันธ์ทางธุรกิจได้

ความท้าทายของการตรวจสอบประวัติก่อนการจ้างงานในประเทศไทย

การดำเนินการตรวจสอบประวัติพนักงาน มีรายละเอียดและลักษณะเฉพาะที่ทีม HR ต้องบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง

ข้อจำกัดด้านกฎหมายและความเป็นส่วนตัว พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของประเทศไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2565 กำหนดการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล นายจ้างจะต้องได้รับความยินยอมที่ชัดเจนจากผู้สมัครก่อนทำการตรวจสอบประวัติ และต้องแน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดได้รับการจัดการอย่างปลอดภัย การไม่ปฏิบัติตามอาจนำไปสู่ค่าปรับจำนวนมาก และอาจทำลายชื่อเสียงของบริษัท
การขาดระบบข้อมูลแบบรวมศูนย์ ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยยังขาดฐานข้อมูลกลางแบบรวมศูนย์ที่เป็นเอกภาพเพื่อการตรวจประวัติการจ้างงาน การศึกษา หรือประวัติอาชญากรรม ข้อมูลพวกนี้มักจะถูกจัดเก็บในลักษณะกระจายแยกส่วนตามสถาบัน หรือหน่วยงานต่างๆ ซึ่งหลายแห่งยังคงเก็บรักษาข้อมูลด้วยตนเองหรืออาจในระดับภูมิภาคเท่านั้น ส่งผลให้การยืนยันประวัติของผู้สมัครงานในประเทศไทยช้าลงและซับซ้อนขึ้น โดยมักต้องมีการติดตามโดยตรงและติดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องที่เชื่อถือได้ในพื้นที่
อุปสรรคทางภาษาและวัฒนธรรม ผู้สมัครในท้องถิ่นจำนวนมากสื่อสารโดยใช้ภาษาไทยเป็นหลัก ซึ่งสร้างความท้าทายทางภาษาสำหรับทีม HR ของบริษัทข้ามชาติ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมอาจส่งผลต่อวิธีการเปิดเผยหรือการตีความของข้อมูลประวัติ ดังนั้นการทำงานร่วมกับบริษัทด้านการตรวจสอบประวัติที่มีความเข้าใจในบริบททางวัฒนธรรมและข้อจำกัดในท้องถิ่น ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ภาคการจ้างงานที่ไม่เป็นทางการ แรงงานจำนวนมากของประเทศไทยทำงานในภาคส่วนที่ไม่เป็นทางการหรือตามสัญญา อาจเป็นเพราะว่าการบันทึกการจ้างงานอย่างเป็นทางการอาจมีข้อจำกัดหรือมีความไม่สอดคล้องกัน การยืนยันประวัติการทำงานหรือบุคคลอ้างอิงในกรณีเหล่านี้ ต้องใช้ความพยายามในการตรวจสอบเพิ่มเติม

การตรวจสอบประวัติที่เชื่อถือได้: ทางออกที่ใช่

จากความท้าทายที่กล่าวมานี้ บริษัทที่ดำเนินงานในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องพึ่งบริการการตรวจสอบประวัติพนักงานที่เชื่อถือได้ มีความเป็นมืออาชีพ และให้บริการการคัดกรองบุคคลก่อนการจ้างงานที่ปรับให้เหมาะสมและเป็นไปตามกฎหมาย Integrity Thailand จึงจะก้าวเข้ามาเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับทีม HR ทั่วโลก และผู้สรรหาบุคลากรในท้องถิ่น

บริการคัดกรองที่ปรับแต่งได้

Integrity Thailand ให้บริการตรวจสอบประวัติพนักงาน ที่ครอบคลุมและปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น รวมถึง:

การตรวจสอบประวัติการศึกษา: ยืนยันความถูกต้องของวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศไทย
การตรวจสอบประวัติการจ้างงาน: ติดต่อกับนายจ้างคนก่อนเพื่อยืนยันตำแหน่งงาน ระยะเวลาการทำงาน และประสิทธิภาพ แม้ในภาคส่วนที่ไม่เป็นทางการหรือในระดับท้องถิ่น
การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม: ตรวจสอบช่องทางการบังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่นเพื่อระบุประวัติอาชญากรรม โดยปฏิบัติตามกฎความเป็นส่วนตัว PDPA
การตรวจสอบตัวตนและบุคคลอ้างอิง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวตนของผู้สมัครถูกต้องตามกฎหมายและบุคคลอ้างอิงเป็นของจริง
และการตรวจสอบเพิ่มเติมอีกกว่า 40 รายการ

ความเชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติตามกฎหมายและการปกป้องข้อมูล

ทีมงานของ Integrity Thailand มีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมาย PDPA และกฎระเบียบในท้องถิ่นอื่นๆ ทำให้มั่นใจได้ว่ากิจกรรมการคัดกรองพนักงานทั้งหมดเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย มีการช่วยเหลือด้านการพัฒนาแบบฟอร์มความยินยอมที่มีความถูกต้องชัดเจน การจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย และการรายงานที่มีความโปร่งใส ซึ่งสามารถปกป้องทั้งความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครและสถานะทางกฎหมายของบริษัท

การใช้เครือข่ายท้องถิ่น

Integrity Thailand สามารถเข้าถึงและวิเคราะห์แหล่งข้อมูลที่กระจัดกระจายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยการใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบขั้นสูงและความรู้เชิงลึกในท้องถิ่น นอกจากนี้ ทีมงานสองภาษาของพวกเราสามารถช่วยเชื่อมช่องว่างทางภาษาและความแตกต่างทางวัฒนธรรม อำนวยความสะดวกในการสื่อสารที่ราบรื่นกับผู้สมัครและสถาบันต่างๆ ดังนั้นข้อมูลเชิงลึกของพวกเขาจึงสามารถช่วยให้นายจ้างประเมินทัศนคติ พฤติกรรม และศักยภาพของผู้สมัคร ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กรมากขึ้น และลดความเสี่ยงของการจ้างงานที่ผิดพลาด ลดอัตราการลาออกของพนักงาน และลดต้นทุนที่เกี่ยวข้อง

Integrity Thailand จะช่วยปกป้องการตัดสินใจจ้างงานของคุณ

อย่าปล่อยให้การจ้างงานที่ผิดพลาดทำให้ธุรกิจของคุณต้องเสียเวลา เงิน และชื่อเสียง

Integrity Thailand สามารถช่วยคุณคัดกรองและตรวจสอบประวัติพนักงาน โดยใช้แนวทางที่น่าเชื่อถือ เป็นไปตามกฎหมาย และคัดสรรสำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าการจ้างงานทุกครั้งของคุณจะเป็นการจ้างงานที่ชาญฉลาด

ติดต่อเราวันนี้ได้ที่ [email protected] เพื่อขอคำปรึกษา และก้าวสู่กระบวนการจ้างงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

การตรวจสอบประวัติที่เชื่อถือได้: ลดต้นทุนการจ้างงานที่ผิดพลาด